วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2566

เกร็ดตำนานเรื่องเล่าสามก๊ก โจโฉผจญผีทวงชีวิต

เกร็ดตำนานเรื่องเล่าสามก๊ก ตอนโจโฉผจญผีทวงชีวิต เป็นคำบอกเล่ากันมาจากปากต่อปาก แต่ฟังหรืออ่านแล้วสนุกดี เราอยากนำมาแชร์เพื่อความบันเทิงกันครับ  

โจโฉ ถือเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในเรื่องสามก๊ก เป็นผู้นำคนหนึ่งที่มีผู้นำหลายคนในยุคถัดมาใช้เป็นแบบอย่าง อัตชีวประวัติของโจโฉ มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี อยู่ที่มุมมองของแต่ละคนเป็นผู้ตัดสิน





ถึงแม้ว่าโจโฉจะไม่เคยประกาศตนเองอย่างเป็นทางการว่าเป็นจักรพรรดิจีน หรือโอรสสวรรค์ แต่เป็นที่รู้กันว่าอิทธิพล อำนาจ ชีวิตความเป็นอยู่ต่างๆนั้นคือ จักรพรรดิจีนพระองค์หนึ่งนั่นเอง


วันหนึ่งโจโฉ มีความคิดที่จะสร้างวังขึ้นมาใหม่ที่เมืองลกเอี๋ยง เพื่ออวดบารมีให้เหนือกว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ จึงสั่งให้กองช่างหลวงออกแบบจัดแปลนแผนผังก่อสร้าง ให้ใหญ่โต โอ่อ่า กว่าหลังเก่า มีตำหนักถึง 9 หลัง  ด้านหน้ามีท้องพระโรงใหญ่ ถัดไปมีตำหนักเรียงรายกันไป

เมื่อโจโฉตรวจตราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก็พออกพอใจ จึงตกลงให้สร้างตามนี้ แต่ติดปัญหาตรงไม้ที่ใช้สร้างส่วนที่ทำอกไก่  หรือส่วนโครงสร้างที่ใช้ทำหลังคานั้นยังหาที่เหมาะสมไม่ได้ ช่างจึงแจ้งว่า ต้องไปหาในป่า "เอี๊ยกหลง" ชายป่าแห่งนี้มีศาลเทพารักษ์ บริเวณนั้นมีต้นสาลี่ต้นหนึ่งสูงใหญ่เด่นสง่า เห็นจะนำมาทำส่วนที่เป็นอกไก่ได้


โจโฉจึงสั่งคนให้ไปตัดแล้วนำกลับมา แต่ก็ไม่มีผู้ใดทำได้สำเร็จ จึงต้องกลับมาแจ้งให้โจโฉทราบ โจโฉเมื่อทราบแล้ว ก็ไม่ปลงใจเชื่อจึงไปด้วยตนเองพร้อมนำคนไปด้วยอีกประมาณสามร้อยคน 

คราวนี้ก็ยังไม่สำเร็จพบปัญหาดั่งเช่นครั้งก่อนทุกประการ ขณะนั้นมีผู้เฒ่ามาบอกกับโจโฉว่า สาลี่ต้นนี้เป็นต้นไม้โบราณ อายุสามถึงสี่ร้อยปีแล้ว จึงมีเทพารักษ์สถิตปกปักษ์รักษาอยู่ในนั้น ขอให้ท่านหยุดการกระทำใดๆเพื่อเป็นการหลบหลู่นั้นซะ

โจโฉได้ฟังดังนั้น ก็โกรธมาก จึงพูดด้วยท่าทางขึงขัง หน้าบึ้งตึง เปล่งวาจาด้วยเสียงอันดังว่า ข้าเป็นใหญ่ในแคว้นนี้มากว่าสี่สิบปี บรรดาชาวบ้าน ชาวเมืองก็ต้องอาศัยบารมี พึ่งใต้ร่มบุญจากข้า ไม่เว้นแม้แต่เทวดาเทพารักษณ์ทั้งหลายก็ เช่นกัน ทำไม แค่ไม้ต้นเดียวเราก็เอาไปไม่ได้เชียวหรือ ทันใดนั้นโจโฉก็ชักกระบี่ที่เหน็บไว้อยู่ข้างเอว ฟันฉับไปที่ต้นไม้ มีเสียงดังกรีดร้องออกมาจากต้น พร้อมน้ำยางไม้สีแดงคล้ายสายเลือดที่ไหลออกมา โจโฉเมื่อเห็นดังนั้นก็ตกใจทิ้งกระบี่ กระโจนขึ้นม้ารีบควบออกไปกลับวังทันที


ในค่ำคืนนั้นโจโฉรู้สึกกระวนกระวายใจจนนอนไม่หลับ จึงต้องลุกขึ้นมาจากที่นอนออกมานั่งที่เก้าอี้ ไม่รู้นานเท่าไหร่จึงผอยหลับไป เมื่อหลับลงแล้วจึงได้ฝันเห็น หญิงผู้หนึ่งไว้ผมมวยมัดเรียบร้อย ใส่เสื้อสีเขียว มาถือดาบยืนอยู่ตรงหน้า ชี้หน้าโจโฉแล้วตวาดขึ้นมาว่า "ข้าเป็นเทพารักษ์เฝ้าสถิตย์อยู่ในต้นสาลี่ ข้าไม่ให้ต้นไม้ที่สถิตย์ของข้า เอาไปให้เจ้าสร้างที่อยู่แข่งกับบารมีฮ่องเต้ เจ้ากำลังถึงฆาตแล้วอีกไม่นาน ยังไงเสียข้าจะจัดการฆ่าเจ้าไปเสียทีเดียวเลยละกัน" โจโฉได้ยินดังนั้น จึงร้องดังลั่นรีบเรียกให้ทหารเข้ามาช่วย ในขณะที่เทพารักษ์ชักมือลงดาบกำลังจะฟัน โจโฉก็ตื่นตกใจจนตื่น รุ่งเช้าโจโฉรู้สึกปวดศีรษะเป็นอย่างมาก จึงให้คนเที่ยวเสาะหาหมอมาเพื่อรักษาอาการ เป็นที่ชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด

สุดท้ายจึงให้คนรีบเร่งออกจากเมืองไปเชิญหมอฮัวโต๋จากแดนไกลให้มารักษา เมื่อหมอฮัวโต๋มาถึง แล้วตรวจอาการ จึงแจ้งวิธีการรักษาอาการนี้ โดยมีเพียงวิธีเดียวคือต้องผ่าตัดสมองจึงหาย โจโฉได้ยินดังนั้นจึงคิดว่านี่เป็นอุบายที่คิดจะใช้สังหารตน จึงสั่งให้ทหารนำตัวหมอฮัวโต๋ไปขังคุกไว้ จนสุดท้ายหมอฮัวโต๋ก็ตายในคุก

กลับมาที่โจโฉนั้นเล่า อาการก็ไม่ดีขึ้นนอนหลับฝันเมื่อไหร่ ก็จะถูกตามฆ่าเมื่อนั้น จนไม่ได้นอนหลับสนิทเสียที มีอยู่คืนหนึ่งโจโฉลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้เพราะนอนไม่หลับอีกเช่นเคยตามปกติ ทีนี้ อยู่ดีดีก็ได้ยินเสียงเหมือนใครฉีกผ้าแพร จึงแลไปเห็นผีนางฮกเฮา กับฮกอ้วนผู้เป็นพ่อ นางตังกุยหุยพร้อมลูกสองคนกับตังสินผู้พ่อและพรรคพวกผีอื่นๆอีกกว่ายี่สิบตนต่างอยู่ในสภาพเลือดเปื้อนตัวไปทั่ว ซึ่งล้วนเป็นคนที่โจโฉเป็นผู้สังหารหรือเป็นผู้สั่งทั้งสิ้น ต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียงร้องอื้ออึงว่า "โจโฉ จงเอาชีวิตพวกข้าคืนมา"

โจโฉได้ยินดังนั้น จึงหยิบกระบี่ที่วางอยู่ข้างๆ แล้วชักออกมาฟันใส่เหล่าผีทั้งหลาย แต่กลับไม่โดน โดนแต่เครื่องเรือน ของใช้ จนเหนื่อยหมดแรง จนเสียการทรงตัวเซล้มอยู่ตรงนั้น จนบ่าวรับใช้เข้ามาเห็นแล้วพยุงไปทำการเยียวยา ให้รอดไปได้อีกวัน

จากนั้นในคืนถัดไป โจโฉก็จะได้ยินเสียงโหยหวนร้องสาปแช่งทั้งคืน เช้ารุ่งขึ้นโจโฉเรียกประชุมขุนนางทั้งปวงให้มาหารือ เพื่อจัดการปัญหาเรื่องนี้ มีขุนนางแนะนำให้โจโฉจัดแต่งเครื่องเซ่นเพื่ออุทิศให้ผีเหล่านั้น แต่สุดท้ายอาการที่เป็นก็ยังไม่หาย โจโฉจึงทำใจตัดพ้อว่าคงเป็นกรรมที่ตนทำเมื่อถึงเวลากรรมสนองจึงไม่มีทางหนีพ้น

จนในวันหนึ่งอาการโจโฉก็กำเริบหนักมาก คิดว่าคงถึงวาระสุดท้ายของตนแล้ว จึงมีคำสั่งให้ไปเรียกแฮหัวตุ้น ขุนนางที่ภักดีและไว้ใจที่สุดเพื่อมาช่วยจัดการราชการ และพิทักษ์คนสกุลโจ ก่อนที่ตนจะตาย

แต่เมื่อแฮหัวตุ้นมาถึงประตูวัง ก็แลเห็นภูติผีกลุ่มเดียวกับที่โจโฉเจอหลอกหลอนจนเสียขวัญ ล้มลงจนบ่าวไพร่ต้องพากลับไปแก้ไขอาการ จึงไม่ได้เข้าเฝ้าโจโฉ ส่วนโจโฉเมื่อทราบข่าวแฮหัวตุ้นดังนั้น จึงทำการสั่งการเองมอบหมายให้ลูกๆสืบทอดตำแหน่งต่างๆที่สำคัญ รวมทั้งขุนนางทั้งหลาย และเตรียมผู้จัดทำพิธีศพเอาไว้ให้พร้อม แล้วจึงผวาล้มลงในเฮือกสุดท้ายของชีวิต ในอายุได้เพียง 66 ปี 


วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566

ย้อนอดีตพระสมเด็จบางขุนพรหม ปี2539

🙏สวัสดีครับ วันนี้ผมขอนำเสนอพระเครื่องอีกรุ่นหนึ่ง ที่น่าบูชาและสะสมในมูลค่าเช่าหาที่ไม่แพง นั่นคือพระสมเด็จบางขุนพรหม ปี2539 ซึ่งมีส่วนผสมผงเก่าจากผง สมเด็จโต ตั้งแต่เปิดกรุเมื่อปี พ.ศ.2500 และผงสมเด็จบางขุนพรหมปี 09, 17, และ 31 โดยทางวัดได้นำผงเก่ามาบดละเอียดพิมพ์เป็นเนื้อเดียวกัน  มีหลวงพ่อคูณปลุกเสกเดี่ยวให้เป็นปฐมฤกษ์ และ14พระเกจิอาจารย์ดัง นั่งปรกปลุกเสก ณ.อุโบสถ วัดใหม่อมตรส บางขุนพรหม เมื่อวันอังคารที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2538







พระคณาจารย์ชื่อดังที่มาร่วมปลุกเสก มีดังนี้

1. หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่

2. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ

3. หลวงพ่อแดง วัดบูรพาราม

4. หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า

5. หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม

6. หลวงพ่อดี วัดพระรูป

7. หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง

8. หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย

9. หลวงพ่อเศียร วัดอินทาราม

10. หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว

11. หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง

12. หลวงพ่อนะ วัดหนองบัว

13. หลวงพ่อนก วัดเขาบางเหย

14. หลวงพ่อหอม วัดท่าอิฐ

15. หลวงปู่แสง วัดหนองเขวา








ข้อมูลเกี่ยวกับตรายางประทับหลังวัด รายละเอียดตามนี้

https://www3.g-pra.com/webboard/show.php?Category=real_amulets&No=306138




สุดท้ายหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆทุกท่าน ที่นิยมและชื่นชอบพระสมเด็จทุกคนครับ และสะสมอย่างมีความสุข เพราะพระเครื่องคือพระพิมพ์พระปฏิมาที่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า ย่อมมีความมงคลตั้งแต่ก่อเกิดรูปลักษณ์นั้นขึ้นมาแล้ว ขอให้ทุกท่านโชคดี ขอให้มีพระสมเด็จแท้ๆไว้ในครอบครองกันทุกคน สวัสดี.

วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2566

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ บล็อคแม่พิมพ์อกกระบอก

 🙏สวัสดีครับ วันนี้ผมขอนำเสนอพระสมเด็จวัดระฆังสักองค์ให้ได้ศึกษากัน ผมได้นำรูปมาจากหนังสือเซียนพระ ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้นิยมและสะสมพระเครื่องครับ มีคนระดับครูบาอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ปรึกษาอีกด้วย ทำให้เชื่อมั่นว่าพระสมเด็จองค์นี้มีการถูกคัดกรองว่าเป็นพระสมเด็จแท้ๆ ที่วงการนักเล่นพระระดับสูงต้องการ และมีมูลค่าสูงครับ


พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ บล็อคพิมพ์อกกระบอก


จุดสังเกตุข้อสรุปพระพิมพ์ใหญ่ บล็อคนี้ คือ

1.หน้าอกที่มีรูปตรงลงมา ลักษณะอวบหนาใหญ่

2.หน้าตักแลดูหนากว่าบล็อคอื่น ทำให้มือที่ประสานกัน อยู่เกือบติดชิดกับหน้าตัก

3.ฐานชั้นที่1 หรือฐานชั้นล่างสุด แลดูหนากว่าบล็อคอื่นครับ





เจตนาของผมคือ 

- เพื่อแบ่งปันความรู้การดูพระจะได้มีพระดีดีไว้ใช้ ไม่หลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย หรือออกตัวเพื่อให้ท่านช่วยเปลี่ยนเป็นเงิน ได้เงินมาช่วยแก้ไขปัญหายามเมื่อจำเป็นครับ

- ให้เปรียบเทียบพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ ในบล็อคแม่พิมพ์ต่างๆ มีบางอาจารย์บอกว่ามีบล็อคแม่พิมพ์ใหญ่เพียงบล็อคเดียว แต่มีหลายท่านก็ว่ามีมากกว่าหนึ่งแม่พิมพ์แน่นอน ถ้าไม่รู้ว่าจะเชื่อใคร ผมว่าทางที่ดีก็หารูปพระสมเด็จที่คิดว่ามีอาจารย์หลายๆคนที่ฟันธงว่าแท้ เอามาเรียงให้ดู แล้วไปดูกันเอง แล้วตัดสินใจดูกันนะครับ ว่าบล็อคแม่พิมพ์ควรมีตัวเดียว หรือมากกว่านั้น แล้วมีมากกว่านั้น จะมี 2 3 4 5 ถึงหลายสิบบล็อค แล้วบล็อคไหนแท้ แล้วแท้กี่บล็อค ที่เหลือเป็นบล็อคปลอม หรือ แท้อยู่บล็อคเดียว บล็อคอื่นเป็นของปลอมหมด เป็นต้น นั่นก็ต้องศึกษาเพิ่มเติมกันต่อไปครับ

- ให้ดูสภาพความเก่าของผิว คราบต่างๆ ประเภทของเนื้อพระ

- ให้ดูเค้าพิมพ์ เพราะถ้าจะจำแต่รูปพระ จะเห็นว่าพระองค์เดียวกันแต่ถ่ายรูปต่างเวลา ต่างสถานที่ก็ต่างกันพอควร การให้แสงไฟ มุมตกกระทบแสง การตั้งค่าISO ค่าความบาลานซ์ของแสง อุณหภูมิสีอีก ถ้าท่านจำภาพจำเพียงรูปใบเดียว ท่านอาจจะพลาดพระสมเด็จแท้ๆดีๆได้หลุดมือไปได้อย่างน่าเสียดาย




พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์ครู ที่ลงหนังสือนิตยสารที่เชื่อถือได้ ลองเอามาเปรียบเทียบดู






สุดท้ายหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆทุกท่าน ที่นิยมและชื่นชอบพระสมเด็จทุกคนครับ และสะสมอย่างมีความสุข เพราะพระเครื่องคือพระพิมพ์พระปฏิมาที่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า ย่อมมีความมงคลตั้งแต่ก่อเกิดรูปลักษณ์นั้นขึ้นมาแล้ว ขอให้ทุกท่านโชคดี ขอให้มีพระสมเด็จแท้ๆไว้ในครอบครองกันทุกคน สวัสดี.



วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2566

ย้อนอดีตวัตถุมงคลหลวงพ่อหลิว วัดไทรทองพัฒนา รุ่นฉลองอายุครบ90ปี

✅เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่มีความสนใจชอบสะสมพระเครื่องนะครับ บางคนมีแล้วไม่ทราบว่าเป็นพระรุ่นไหน วัดใด อะไรประเภทนี้ ถ้าผมเจอมาจะนำมาลงไว้ให้ทุกท่านได้เข้ามาศึกษาแบบนี้นะครับ  ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ😄

หลวงพ่อหลิว วัดไทรทองพัฒนา รุ่นฉลองอายุครบ90ปี เป็นรุ่นที่ศิษย์สร้างถวาย และปลุกเสกเดี่ยวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ.2538 

รายละเอียดการจัดสร้าง ประเภทวัตถุมงคล และจำนวนการสร้างมีดังนี้

- พญาเต่าเรือน เนื้อทองคำ จัดสร้าง 9 องค์

- พญาเต่าเรือน เนื้อนาค จัดสร้าง 9 องค์

- พญาเต่าเรือน เนื้อสแตนเลส จัดสร้าง 25 องค์

- พญาเต่าเรือน เนื้อเงิน จัดสร้าง 120 องค์

- พญาเต่าเรือน เนื้อนวโลหะ จัดสร้าง 509 องค์

- พญาเต่าเรือน เนื้อทองเหลือง จัดสร้าง 4,997 องค์

- พญาเต่าเรือน เนื้อทองแดง จัดสร้าง 4,906 องค์

- พญาเต่าเรือน ล๊อกเก็ต จัดสร้าง 300 องค์

- พญาเต่าเรือน เนื้อผงรุ่นแรก จัดสร้าง 45,500 องค์

- เหรียญขวัญถุง จัดสร้าง 1,000 เหรียญ